พรรณสิริ จิตรรัตน์ (ครูอ้อม หยินโยคะ)
easyoga ambassador
www.facebook.com/YinYogaThailand
หลังจากฝึกหยินโยคะมานานกว่า 6 ปี ฉันรู้สึกว่าหยินโยคะมีคุณูประการต่อชีวิตเกินคาดคิด ซึ่งอาจสามารถอธิบายได้ใน 3 ระดับ ทางกาย หยินโยคะช่วยปรับรูปร่างเนื้อเยื่อและโครงสร้างร่างกาย ในระดับพลังงาน ช่วยทะลุทะลวงเข้าสู่ช่องทางเดินของลมปราณ (เมอริเดียนหรือนาฑี) ในแง่มุมทางจิตวิญญาณ การฝึกช่วยสะท้อนให้เห็นถึงธรรมชาติที่แท้จริง เปิดเผยแง่มุมอันลึกซึ้งในก้นบึ้งของจิตใจ
กาย ลมปราณและจิตนั้นสัมพันธ์กัน
โครงสร้างร่างกายดีขึ้นหมายถึงเนื้อเยื่อภายในมีช่องว่างและปริมาตรเพิ่มขึ้น เนื้อเยื่อของมนุษย์มีหลายชั้น แต่ละชั้นมีความหนาแน่น ยกตัวอย่าง ก้อนโฟมที่มีรูพรุนจำนวนมากจะนุ่มกว่าก้อนที่ไม่มีรูพรุนข้างใน ความหนาแน่นจึงขึ้นอยู่กับช่องว่างและปริมาตรภายใน
เมื่อภายในเนื้อเยื่อมีช่องว่างและปริมาตร ลมปราณสามารถไหลเวียนในร่างกายได้ เมื่อมีการไหลเวียนของลมปราณอย่างเพียงพอ เราจะสามารถขยายจิตสำนึกไปได้ทุกหนแห่งภายใน การตระหนักรู้ร่างกายจึงบังเกิดขึ้น และช่วยพัฒนาปรีชาญาณของเรา
เราเองสามารถหยั่งรู้ปรากฎการณ์ต่างๆ ได้ไม่ต่างจากผู้วิเศษ แท้จริงแล้ว มนุษย์สามารถเข้าถึงและเข้าใจชีวิตของตนเองได้โดยไม่ต้องหวังพึ่งคำทำนาย น่าเสียดายที่ ณ ห้วงเวลานี้ นิสัยเป็นตัวขัดขวางความสามารถในการหยั่งรู้ของเรา เรามีข้ออ้างมากมายไม่ว่าจะเป็นครอบครัว การงาน ความสัมพันธ์ ฯลฯ ที่เบี่ยงเบนไม่ให้เราหันกลับมาดูตัวเอง จนกว่าเราจะปล่อยวางส่ิงต่างๆ ภายนอกที่ทำให้ว้าวุ่นใจได้ ความสามารถในการหยั่งรู้จึงจะบังเกิด
ปรัชญาเต๋าสอนให้เลื่อนไหลไปกับกระแสของธรรมชาติ แต่ไม่ง่ายนักที่จะอธิบายปรากฎการณ์ธรรมชาติ เพราะในแต่ละลำดับขั้นของธรรมชาติเกิดขึ้นต่อเนื่องกันไปอย่างแยบยล เราไม่อาจพยากรณ์วันสิ้นสุดฤดูหนาวหรือวันเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิที่แน่นอนได้ นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมจึงควรมีสติอยู่กับจังหวะของธรรมชาติ มิเช่นนั้น เราจะพลาดแต่ละขั้นของการเปลี่ยนแปลง ซึ่งหมายรวมถึงพลาดปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นภายในตัวเราเช่นกัน
ปัจจุบันเราใช้ชีวิตอยู่ในโลกอันยุ่งเหยิง เราพึ่งพาเทคโนโลยีมากเสียจนหยุดพัฒนาตัวเอง ฝันเฟื่องถึงความสำเร็จตั้งแต่ยังไม่เริ่มต้นก้าวเดิน เราไม่พอใจชีวิต ไม่อาจแสดงศักยภาพที่แท้จริงออกมาได้ เราจึงเจ็บปวดและเจ็บป่วยจนเริ่มสูญเสียคุณสมบัติพื้นฐานอันเป็นแก่นสารของชีวิต
หาแก่นสารของชีวิตให้เจอ
ตลอดวัน จิตของเราไม่ต่างจากม้าหมุน โชคดีที่โยคะช่วยให้จิตของเราหยุดวิ่งวนได้บ้าง การได้หยัดร่างกายลงสู่ผืนโลกขณะฝึก ช่วยให้เราหาแก่นสารของชีวิตเจอ
เชื่อมโยงกับผืนโลกคือวิถีแห่งการหยัดรากให้ชีวิต
ร่างกาย พลังงานและจิตนั้นเชื่อมโยงถึงกัน มีบางแง่มุมของโยคะที่เราสามารถตั้งใจฝึกฝนได้ แต่บางแง่มุมจะเป็นผลที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติจากการฝึก อาสนะเป็นเครื่องมือช่วยให้เราหาหนทางกลับสู่รากฐานของชีวิตได้ ในยามติดขัดหรือเผชิญกับอุปสรรคในชีวิต ให้มองกลับเข้าไปหาจุดติดขัดในร่างกาย รากฐานของชีวิตนั้นสัมพันธ์กับรากฐานในร่างกายอย่างแยกไม่ออก เมื่อเข้าใจ สิ่งที่สมควรทำคือกลับไปฝึกฝนกาย
ในฐานะครูหยินโยคะ ฉันต้องแน่ใจว่าผู้ฝึกนั้นจรดจ่ออยู่กับการเชื่อมโยงร่างกายท่อนล่างกับผืนโลก ศัพท์เทคนิคในการฝึกเรียก “Grounding” ยกตัวอย่างเช่น ในอาสนะนั่ง ทุกลมหายใจเข้า เรากดกระดูกต้นขาลงกับพื้นเพื่อขยายแผ่นหลัง ในขณะที่หายใจออก เราดึงสะดือกลับเข้าหากระดูกสันหลังและยืดกระดูกรองนั่งให้ติดพื้น ลมหายใจช่วยให้เนื้อเยื่อโดยรอบเชิงกรานขยาย ส่งผลให้พลังงานสามารถหมุนผ่านเข้าไปได้ เมื่อลมปราณหมุนเวียน ร่างกายจึงตั้งมั่น จิตหยุดซัดส่าย
การฝึกเทคนิค Grounding ในหยินโยคะ พังผืดจะยืดออกอย่างค่อยเป็นค่อยไป ปริมาตรภายในร่างกายเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ ณ ชั่วขณะใดขณะหนึ่ง หน้าต่างจะเปิด ปรีชาญาณจะช่วยหาทางออกให้กับเรา นั่นคือพลังที่ได้จากการหยัดร่างกายเชื่อมโยงกับผืนโลก พลังแห่งหยิน