วิถีของโยคะคือการชำระล้างให้บริสุทธิ์ การชำระล้างมีความสำคัญมาก เหมือนทางภายนอกเราสามารถชำระล้างให้ร่างกายสะอาดด้วยการอาบน้ำ พออาบน้ำสบายเนื้อสบายตัว จิตใจก็สบายไปด้วย ภายในเราก็เหมือนกันเราก็ต้องมีการชำระล้าง เพราะทุกวันนี้กระแสโลกไม่บริสุทธิ์ เป็นกลียุค (ยุคแห่งความมืด) ทั้งกระแสของพลังงาน ผู้คน อาหาร บรรยากาศ ล้วนไม่บริสุทธิ์ สิ่งเหล่านี้ส่งผลต่อสภาพของเราไปด้วย อย่าลืมว่าทุกสิ่งคือโยคะ ทุกสิ่งมีการเชื่อมโยงกับเราในระดับที่แตกต่างกัน บางอย่างมีผลมาก บางอย่างมีผลน้อย ดังนั้นการชำระล้างจึงเหมือนเป็นการพาเรากลับเข้าสู่ศูนย์กลาง (center) ที่เป็น zero เปรียบเทียบกับสเกลการวัดค่า ที่มีค่าติดลบอยู่ฝั่งหนึ่ง มีค่าศูนย์ (zero) และค่าบวก เวลาที่เราไม่พอใจ เสียใจ หดหู่ สภาพของเราเป็นลบ ส่วนเวลาที่เราดีใจ มีความสุขมากๆ สภาพของเราก็มีค่าเป็นบวก แต่ในท้ายที่สุดเราต้องกลับมาสู่จุดศูนย์กลางที่เป็น zero นี้ ซึ่งเป็นสภาวะที่สมดุล เป็นกลาง เป็นสภาพที่แท้จริงของเรา
ในการฝึกโยคะเองก็มีการฝึกถึง 8 ระดับ (ยมะ นิยมะ อาสนะ ปราณยามะ ปรัทยาหาระ ธารณะ ฌาน สมาธิ) ต้องทำตั้งแต่ระดับล่างไล่ขึ้นไปข้างบน แต่คนส่วนใหญ่ในปัจจุบันนี้เรียนโยคะและมีความเข้าใจกันอยู่ในระดับที่ 3-4 เท่านั้นเอง อีกทั้งผู้เรียนจำเป็นที่จะต้องรู้จักและเข้าใจให้มากว่าอะไรที่เรียกว่าเหมาะสมกับเรา อย่างนักเรียนบางคนบอกว่าเล่นคลาสนี้แล้วปวดหลังไม่ชอบเลย หรือ เล่นคลาสนี้แล้วเจ็บเข่ามากจนต้องไปหาหมอ เมื่อหาหมอ หมอก็สั่งห้ามเล่นโยคะแบบนี้อีก ซึ่งจริงๆ แล้วมันไม่ใช่ที่คลาสโยคะ หรือครูโยคะ แต่มันเป็นเพราะเราไม่รู้จักตนเอง
เวลาที่เราฝึกจิต สิ่งสำคัญสิ่งแรกที่เราต้องทำ คือผ่อนคลายตนเองก่อน แล้วจึงค่อยมองเข้ามาดูตนเองภายใน สังเกต เข้าใจ แล้วเรียนรู้ว่าเราเป็นอย่างไร อะไรเหมาะกับเรา อย่างการทำท่าศวาสนะนี่สำคัญมาก บางคนว่ามันง่ายมาก พอให้นอนบางคนก็หลับไปเลย ส่วนบางคนก็ไม่หลับ มีอะไรคิดในสมองเยอะ ผ่อนคลายไม่ได้ จริงๆ แล้วเราควรฝึกฝนไม่หลับโดยให้จิตใจไม่เร่ร่อนออกไปจากสำนึกรู้ของร่างกาย ซึ่งถ้าทำได้ มันจะเป็นการเยียวยาที่ดีมาก
สุดท้ายนี้มาสเตอร์บอกว่า “การฝึกฝนโยคะไม่ใช่แค่ขั้นตอนของชำระล้างที่ปลอดภัยที่สุดเท่านั้น แต่ยังเป็นการสอนเราถึงชีวิตด้วย เมื่อไรก็ตามที่พวกเราเรียนรู้ชีวิตด้วยการสร้างรูปแบบ พวกเราได้รับคำแนะนำถึง 3 ระดับของความเข้าใจ ไม่ว่าทางใด รูปแบบใด สไตล์ไหน ประเภทไหน ทั้งหมดขึ้นอยู่กับว่าพวกเราเปิดใจรับมันอย่างไร เราตอบโต้อย่างไร เพราะว่าทุกสิ่งเริ่มต้นจากเราและจบลงที่เรา หมายความว่า ทุกสิ่งคือรูปของพลังงานของพวกเรา ที่เกิดขึ้นในจิตใจ ร่างกาย หัวใจ และจิตวิญญาณ ดังนั้นเพียงการฝึกหัดโยคะเท่านั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่สำคัญที่ว่าเราฝึกหัดอย่างไร อะไร ที่ไหน กับใคร และเมื่อไหร่ เมื่อไรก็ตามที่เราฝึกโยคะ ไม่ว่าจะเป็นก้าวไหน ขั้นไหน โดยภาพรวมแล้วผลกระทบสะท้อนถึงเราจนกลายเป็นการสร้างรูปแบบ และรวมเข้าไปในชีวิตของพวกเราอย่างง่ายดาย ดังนั้นพวกเราทั้งหมดจึงรักโยคะ พวกเราฝึกโยคะอย่างมาก ทั้งรูปแบบที่แตกต่างกัน สไตล์ที่แตกต่าง ศูนย์ กูรู หรือประเทศที่แตกต่างกัน ตอนนี้เป็นเวลาที่พวกเราจะต้องเข้าใจ รู้สึก และค้นพบว่าอะไรคือรูปแบบที่เราเก็บไว้กับตนเองเสมอ จนกระทั่งการสร้างรูปแบบนำเราเข้าไปสู่สมาธิทันทีที่เป็นไปได้”
ประวัติโดยย่อเจ้าของแนวคิด โยคะคือการชำระล้าง
- มาสเตอร์ซูมานเริ่มฝึกฝนโยคะตั้งแต่อายุ 8 ปี
และเป็นครูสอนโยคะเมื่ออายุ 18 ปี ปัจจุบันมีประสบการณ์ในการสอนโยคะมามากกว่า 19 ปีแล้ว
ผ่านการอบรมจากหลายสถาบัน ได้แก่ Tata Steel India (Grade A), Bihar School of Yoga เมือง Rikhia / Sivananda Yoga Ashram เมือง Kerela / Swami Vivekananda Yoga University (SVYASA) เมือง Banglore / KaivalyaDhama Yoga Ashram เมือง Lonavala / ปริญญาโทด้านโยคะ ประเทศอินเดีย
- ประวัติด้านผลงาน
– มาสเตอร์ซูมานเป็นแชมป์ที่เมืองชัมเศทปุระ
และที่เขตซิงค์ภูมิ ประเทศอินเดีย / ชนะการประกวด “Yoga Kumar”และ “Yoga
Shree” / ชนะการแข่งขันโยคะทั้งหมด
6 ครั้งในรายการ State Champion in Yogasana / ได้รับรางวัลเหรียญเงินในการแข่งระดับประเทศ / ชนะการแข่งขันรายการ Asian Yoga ด้วยเหรียญทองเฉพาะในสาขาแข่งเดี่ยว, แข่งกลุ่ม
และแบบอาร์ทิสติกโยคะ
นอกจากนี้มาสเตอร์ซูมานยังเคยเป็นกรรมการผู้ทรงเกียรติในการแข่งขันระดับเอเชีย,
ระดับประเทศ, ระดับภูมิภาค, ระดับเขต, และระดับเมือง
ของการแข่งขันโยคะแชมป์เปี้ยนชิพ ปัจจุบันท่านเป็นเทรนเนอร์ที่ประสบความสำเร็จในการฝึกฝนเพื่อแข่งขันโยคะระดับนานาชาติ