การเดินทางในเส้นทางการสอนโยคะมันไม่ใช่แค่วิชาอาชีพ แต่มันเป็นวิถีชีวิตของครูโยคะ ซึ่งไม่เหมือนกับวิชาชีพอื่นที่พอเรียนจบก็จบทำงานแล้วการเรียนก็สิ้นสุด แต่สำหรับครุโยคะการเรียนไม่มีวันจบ ถ้าไม่สอน ก็เรียน ถ้าไม่เรียนก็ฝึก ไม่เคยมีวันไหนในชีวิตที่ไม่ได้คิดถึงโยคะ ตอนสมัยเริ่มสอนใหม่ๆ ไม่ว่าเดินทางไปที่ไหนก็ต้องไปหาสตูดิโอโยคะว่ามีที่ไหนบ้าง ต้องไปเล่นไปลอง อยากไปทดลองเรียนกับครูต่างชาติใหม่ๆเก่งๆ เรื่องที่จะไปเที่ยวแบบ Holiday นอนชิลล์ๆตามหาด อาบแดด สำหรับผมไม่เคยมีเท่าไหร่ บางที่สามีต้องขอร้องให้พักจากโยคะแล้วให้เวลาเขาบ้าง เฮ้อ....นี่แหละชีวิตครูโยคะ
สำหรับการเดินทางในสายหยินโยคะ ผมเริ่มเดินทางเป็นครูโยคะในสายหยินเป็นคนแรกของเมืองไทย เริ่มตั้งแต่ไม่มีคนรู้จัก จนตอนนี้จะต้องมีหยินโยคะในทุกๆสตูดิโอและ ครูโยคะทุกคนในเมืองไทยรู้ว่าหยินโยคะคืออะไร จนในบางหลักสูตรจะบรรจุหยินโยคะในหลักสูตรครูด้วย ในเส้นทางที่ผมเดินมานานกว่าห้าหกปีที่ผ่านมานั้น ผมได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์จากการสอนหยินโยคะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ อนาโตมีของระบบเนื้อเยื่อ เรื่องของพลังงานซี่ ครูหยินที่สอนหยินโยคะของผมนั้นคือครู Victor Chng ซึ่งหลายคนถามผมว่าทำไมไม่ไปเรียนกับ Paul Grilley ต้นตำหรับเลยละ ผมบอกว่าไม่ละเพราะเห็นครูที่จบจาก Paul Grilley มาสอนเหมือนกันหมด ไม่มีใครแตกต่างเลย สอนเหมือนใน DVD เป๊ะเลย เจอมาหลายคนก็สอนแบบเดียวกันหมด แต่ของครู Victor จะมีการพัฒนาการเกิดขึ้นทุกปี ผมได้เรียนกับครู Victor มาตั้งแต่ ปี 2009 จึงเห็นการเปลี่ยนแปลงการสอนมาตั้งแต่เริ่มแรกจนถึงปีที่ผ่านมา ได้เห็นความกล้าที่เปลี่ยนสิ่งที่ตัวเองเชื่อว่าใช่และถูกต้อง ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจ และ เป็นตัวอย่างการใช้ชีวิต ว่าเราต้องมีความเป็นตัวของตัวเอง
ครูวิตเตอร์เป็นครูที่นำหยินโยคะเข้ามาในชีวิตผม เป็น ต้นแบบความคิดที่นำหลักการการตลาดเข้ามาช่วยในการเป็นครูโยคะ เป็นผู้ที่เปลี่ยนมุมมองของการเป็นครูที่ดี
จนกระทั่งมันมาถึงวันนี้ จุดที่หยินโยคะไม่ได้ตอบความต้องการของตัวเอง คือผมยังมีคำถามในหัวเกี่ยวกับการค้างท่านิ่งๆ ซึ่งอาจจะด้วยว่าตัวเองเป็นคน อยู่นิ่งๆไม่ค่อยได้จึงเริ่มรู้สึกว่าอยากต้องการขยับร่างกายดูบ้าง ปรากฎว่า ร่างกายเรารู้สึกแฮปปี้ และความอ่อนตัวเกิดขึ้น พื้นที่ว่างในเนื้อเยื่อที่เราขยับมากขึ้น เรียกได้ว่าถึงจะอยู่ในท่านานแต่มันไม่ทรมานเหมือนเมื่อก่อน แล้วรู้สึกว่าชอบ จนได้รู้จักกับครุ Paddy Mcgrath ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของ Diane Long ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของ Vanda Scalivali ซึ่งเป็นลูกศิษย์ฝรั่งชุดแรกๆของท่าน B K S Iyengar, Iyengar Yoga (ไอเยนคาร์โยคะ) ก่อนที่จะมีใครในโลกตะวันตกรู้จักท่าน ซึ่งและการสอนของ Vanda Scalivali นั้น จะเน้น-การปล่อยให้ร่างกาย ผ่อนคลายในขณะที่เคลื่อนไหว ซึ่งจะทำให้ การเหยียดยืดร่างกายนั่นเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติที่สุด ไม่มีการต่อต้านจากร่างกายตัวเอง ร่างกาย มีความอ่อนนุ่มมากขึ้น ความเจ็บปวดต่างๆ ถูกเยียวยาและบำบัด รวมถึงอารมณ์ต่างๆ ที่ ถูกกักเก็บไว้ในร่างกายของเรา ก็ได้รับการ ดูแล ร่างกาย รู้สึก ถูกทะนุถนอม มากขึ้น ซึ่งดูจากภายนอก เหมือนจะเลื้อยไปเลื้อยมาตลกๆ แต่ แต่สิ่งที่ได้นั้น มันกลับเปลี่ยน การสอนหยินโยคะของผมไปตลอดชีวิต
ครู Paddy Mcgrath ครูที่สอนให้รู้จักการฟังร่างกาย
เรื่องคือพอผมริ่มเรียนกับครู Paddy เมื่อสิบปีที่แล้วสมัยอยู่ปายแต่ตอนนั้นยังไม่เข้าใจนักจนมาเริ่มเรียนหยินโยคะแล้วกลับไปเรียนกับครู Paddy อีกผมก็เริ่มที่จะฝึกหยินโยคะโดยการ Soft ร่างกายไดยที่ไม่ไปดึง ไม่ไป ฝืนร่างกาย จนทำให้ร่างกายเปลี่ยนแบบก้าวกระโดด ทำ Backbend ก็ไม่รู้สึกเจ็บปวด กลับรู้สึกสนุกกับการทำ dropback จนผมได้นำเทคนิคนี้ไปสอนที่ฟิลิปปินส์ เพื่อนสนิทของผมที่ฟิลิปปินส์ ชื่อ Dona Tumacder-Esteban ซึ่งเป็นครูสอนหยินโยคะรุ่นรุ่นเดียวกับผม พอครูDona เห็นเทคนิคการสอนของผม ก็แนะนำให้ผมไปเรียนกับครู Angela Farmer เธอบอกว่าเทคนิคผมคล้ายๆก็ของครู Angela ผมจึงดั้นด้นไปเรียนถึงประเทศกรีซ ซึ่งการไปกรีชครั้งนั้นทำให้การสอนหยินโยคะของผมเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
พอกลับ กับมาจากกรีซ ผมก็เริ่มสอน ในสไตล์ของตัวเองมากขึ้น เริ่มรู้สึกว่าตัวเองชอบสอนแบบนี้ แต่อาจจะเป็นว่าในช่วงแรกตัวผมเองก็ไม่ตกผลึกเท่าไหร่ นักเรียนบอกว่าครุเล็กหลุดโลกไปแล้ว ครูเล็กหยินของครูเล็กไม่เห็นเหมือนเดิม ต้องแบบของครู Victor สิถึงจะเป็นหยินแท้ ผมเองก็ไม่รู้ จน กำลังจะ จัด Yin Yoga Immersion 1 ที่เชียงใหม่ พี่ขวัญ แห่งYoga Cottage ซึ่งเป็นผู้จัดมาบอกผมว่า มีนักเรียนมาบอกว่า หยินโยคะ ของคุณเล็กมันเป็น yin transforms ผมจึงกลับมามองตัวเอง อีกครั้งว่า เออจริงสิ่งที่เราสอนไปนั้น มันถูกหรือผิด เราสอนไม่เหมือนวิกเตอร์ หรือครูหยินโยคะท่านอื่นๆ ช่วงนั้นชีวิตสับสนไปพักหนึ่ง พลังงานตกเวลาสอนหยินโยคะ ก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ก็เลยมาคิดว่า เราไม่เคยสอนอะไรเหมือนคนอื่นอยู่แล้ว เราก็เป็นพวกหลุดโลกแบบที่เขาพูดจริงๆ งั้นเราก็เลิกเรียกสิ่งที่เราสอนว่าหยินโยคะดีกว่าก็เลย ชอบชื่อYin Transforms แต่ด้วยความที่ผมสอนทั้ง Yin Yoga Immersion แล้วยังมาสอน Yin Transforms มันยิ่งทำให้นักเรียนสับสน เพราะนักเรียนยังมองผมเป็นครูหยิน อยู่ ผมเลยตัดสินใจ จะ สิ้นสุดการเรียกตัวเองว่าเป็นครูหยิน และเปลี่ยนการสอนเป็น Yin Transforms ที่เป็นตัวของตัวเอง ผมก็ไม่รู้ว่าทิศทางการสอนของผม จะเปลี่ยนไป ยืนอยู่จุดไหน แต่ไม่ว่าจะเป็นจุดไหน นักเรียนก็จะได้รับประสบการณ์ชีวิตไปพร้อมๆกับผมด้วย Yin Transforms เป็นหลักสูตร ที่มาจากประสบการณ์ชีวิตของผม ที่ผมสนใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ energy เรื่องของพลังของจิต และ จิตใต้สำนึก รวมถึงเรื่องของระบบเนื้อเยื่อและความสัมพันธ์กับเรื่องพลังงานอย่างไร ทำอย่างไรที่เราจะสื่อสารกับเนื้อเยื่อในร่างกายเราได้อย่างไร แล้วเราจะเอาความรู้ทั้งหมดมาปรับใช้นอกเสื่อโยคะยังไง สำหรับผมแล้ว โยคะคือ life Transformation คือการเปลี่ยนชีวิตที่เราเป็นอยู่ให้ดีขึ้น ถ้าฝึกแล้วชีวิตไม่เปลี่ยนก็แสดงว่าเราไม่ได้ฝึกโยคะ อาสนะไม่ใช่ Godที่เราต้อง worship แต่อาสนะเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราเข้าถึงร่างกาย และ จิต ของเรา
ครู Angela Farmer และครู Victor van Kuten ครูที่สอนผมให้รู้จัก การสอนที่มาจากภายใน
สิ่งหนึ่งที่ผมสอนนักเรียนตลอดเวลาคือ จริงกับตัวเองและ มองชีวิตว่าเป็นการหาประสบการณ์ของจิตผ่านร่างกายมนุษย์ เพื่อจะได้ยกระดับพลังงานของจิต เพราะฉะนั้นให้เราใช้ชีวิตให้เต็มที่ ทำในสิ่งที่เรารักให้เต็มร้อย มอนความดีงามให้แก่โลก ในโลกนี้มีครูโยคะเยอะมากๆ แต่มีครูโยคะที่ประสบความสำเร็จไม่ต้องมานั่งวิ่งเป็นหนูถีบจักรอยู่แค่หยิบมือเดียว และอีกหลายๆคนก็ดิ่นรนกันต่อไปทั้งๆที่ทุกคน มีศักยาภาพเฉพาะตัวที่คนอื่นไม่มี แต่เรามองไม่เห็นมันเพราะวิ่งตามคนอื่น ไม่มีใครคิดนอกกรอบ วิ่งตามกัน เหมือปลาในทะเลที่ ถึงกิน แพลงตอน พอแพลงต้อนหมดก็ย้ายไปกินที่อื่นต่อ ชาวประมงนั่งดูปลามาลุมกินแพลงตอนนั้นแล้ว ก็โยนแหที่เดียวจับได้ทั้งฝูง ทำไมเราไม่เป็นประมง? ไอสไตล์ กล่าวไว้ว่า จินตนาการ สำคัญ กว่าความรู้ จินตนาการ สร้างสรรค์โลก ที่เราอยู่ จินตนาการช่วยให้เราพัฒนา จากมนุษย์ยุคหิน มาเป็นมนุษย์ยุคดิจิตอล
ร่างกายของเราเป็นครูมันบอกเราทุกอย่างว่าที่ผ่านมาเราใช้ชีวิตอย่างไรและเราจะเปลี่ยนแปลงชีวิตไปในทิดทางไหนสุดท้ายแล้ว การฝึกโยคะของเราควรจะเพื่อเราเองไม่ใช่เพื่อครูที่อยู่หน้าห้องหรือ เพื่อนที่อยู่ข้างๆ หรือ เพือ FaceBook ครูAngela สอนผมให้รู้จัก ความสุข ของการฝึกโยคะ ที่เกิดขึ้นจากภายใน ความสุข จากข้างในของเราเมื่อเกิดขึ้นแล้ว ความสุขออกมาจากข้างใน สู่ข้างนอกร่างกายเรา ความสุข เป็นสิ่งที่หาได้ง่าย ไม่ต้องลงทุน ไม่ต้องหาท่าพิศดาร ไม่จำเป็นจะต้องดีกว่าคนอื่น มันมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง จากข้างในร่างกาย จนถึงข้างนอกร่างกายของเรา แค่เราหาให้เจอ